ดูหนังต้องซับไทย หรือซับ eng ถึงจะได้ผล?


จริงๆแล้วคำถามนี้มันไม่มีคำตอบที่ตายตัว มันขึ้นอยู่กับว่าภาษาอังกฤษของเราตอนนี้อยู่ในระดับไหน เรารู้คำศัพท์ประมาณกี่คำ ยกตัวอย่างหนังเรื่อง The Hunger Games: Mockingjay - Part 2 ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดี เรื่องนี้มีคำศัพท์อยู่ประมาณ 8,000 คำ (รวมคำซ้ำ) ซึ่งเป็นคำศัพท์ที่พบได้เป็นปกติ ไม่ใช่คำโบราณหรือแสลงอะไรมากมาย และถึงแม้ว่าจะตัดคำซ้ำๆออกไป ก็จะพบว่ามีคำศัพท์ที่เราต้องรู้อยู่มากกว่า 5,000 คำเลยทีเดียว







ถ้าจะดูหนังเรื่องนี้ ต้องถามตัวเองก่อนว่ารู้คำศัพท์ General Words ครบ 3,000 คำหรือยัง (หากสงสัยว่า  General Words คืออะไร ให้ไปอ่านโพสต์เก่าก่อน ตาม link นี้ค่ะ http://wolfza.blogspot.com/2016/09/blog-post_15.html



1. ถ้าเรายังรู้ไม่ถึง 2,000 คำ แนะนำให้ดู "ซับไทย" ไปสักระยะนึงก่อน ให้ชินเสียง สำเนียง และรับเอาคำศัพท์เข้าหัวให้มากขึ้นก่อน สะสมไปเรื่อยๆก่อน เพราะถ้าไปอ่าน ซับeng ในตอนนี้ คงต้องนั่งเปิดดิกตลอดเวลาจนดูไม่สนุกเป็นแน่



2. ถ้าเรารู้เกิน 2,000 คำแล้ว แนะนำให้ดู "ซับeng" ตาดู หูฟัง ในขณะที่หูกำลังฟังเสียงตัวละครพูด ตาก็คอยอ่านคำศัพท์ที่ปรากฎขึ้นมา เป็นการฝึกฝนการฟัง อ่านปาก และจำคำศัพท์ที่ประกอบไปด้วยท่าทาง อารมณ์ หรือสถานการณ์ ที่บางครั้งมันอาจทำให้เราเดาศัพท์คำนั้นได้โดยไม่ต้องเปิดดิค และมันทำให้เรารู้อารมณ์ของศัพท์คำนั้นด้วย ว่าเค้าใช้กันตอนอารมณ์แบบไหน พูดด้วยสีหน้าอย่างไร



ถามว่าทำแบบนี้แล้ว พอเราเจอคำศัพท์ที่ไม่รู้จัก จะต้องเปิดดิคทุกคำมั้ย? คำตอบคือไม่ต้อง เปิดเฉพาะคำที่เราอยากรู้ สงสัย เช่น เห็นมันพูดบ่อยจัง หรืออาจเป็นคำที่ปล่อยผ่านไม่ได้ เพราะมันคือประเด็นสำคัญของเรื่อง อย่างนี้เป็นต้น หมายความว่า ใน 10 ประโยค จะปล่อยผ่านไปสัก 8-9 ประโยค ก็ไม่ถือว่าแย่



3. ถ้าเรารู้เกิน 3,000 คำแล้ว แนะนำให้ "ปิดซับ" ในครั้งแรกที่ดู จากนั้นมาดู "ซับeng" ในรอบที่สอง หรือบางคนขยันหน่อย จะมีรอบที่สามโดยการ "ปิดซับ" อีกครั้งก็ได้ เพื่อเป็นการทบทวน ทั้งนี้ไม่จำเป็นว่าต้องดูตั้งแต่ต้นจนจบแล้วค่อยไปรอบที่สองหรือสาม ดูทีละซีน ทีละฉากก็ได้ เพราะถ้าดูไปจนจบ วกกลับมาอีกรอบมันจะลืมว่าเมือกี้เราสงสัยคำไหนหรือประโยคไหนอยู่



##คำว่ารู้ในที่นี้ หมายถึง รู้ว่ามันแปลว่าอะไร ใช้ยังไง รวมถึงออกเสียงที่ถูกต้องอย่างไรด้วยนะ##



บุคคลในข้อ 1 และ 2 ถ้าหากไปเริ่มที่การ "ปิดซับ" มันจะยากมากกกกกก และเสียเวลากับการทำความเข้าใจเป็นอันมากกกกกก ต้องบริหารเวลาให้ดี ใช้เวลาอยู่กับมันมากไปก็น่าเบื่อ พาลจะท้อท้อ หรือบางคนถึงขั้นเลิกไปเลยเพราะมันไม่รู้เรื่องซักที



ที่ยกตัวอย่างมานี้ใช้ได้กับหนังเรื่องที่กล่าวมา หรือหนังทั่วๆไปที่ไม่ได้ใช้คำโบราณ ศัพท์เทพนิยาย ศัพท์วิทยาศาสตร์ หรือศัพท์เฉพาะทางอะไรมากมาย คือหนังทั่วๆไปนี่แหละค่ะ ถ้าหนังยากๆก็ต้องปรับระดับคำศัพท์อีกที อาจไม่เป็นไปตามนี้ ฉะนั้น อย่าเพิ่งดูหนังยาก เอาทั่วๆไปก่อนค่ะ หรือจะดูการ์ตูนก็ได้ค่ะสำหรับใครที่รู้น้อยกว่า 1,000 คำค่ะ



ฝากไว้เท่านี้จ้า



ก็อปปี้บทความไปเผยแพร่ กรุณาให้เครดิต ขอบคุณค่ะ




ความคิดเห็น